Apple บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายบน App Store ของตัวเอง โดยอนุญาตให้นักพัฒนาสามารถส่งอีเมลไปหาผู้ใช้งานเพื่อบอกวิธีการชำระค่าบริการต่าง ๆ นอกเหนือจากการชำระผ่าน App Store ได้แล้ว แถมยังต้องควักเงินอีกถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อจ่ายค่าชดเชยให้กลุ่มนักพัฒนา และตั้งกองทุนสนับสนุนนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่มีรายได้น้อย แลกกับการยุติปัญหาฟ้องร้องจากกลุ่มนักพัฒนาในสหรัฐฯ
Apple จะไม่หักส่วนแบ่ง 30% จากนักพัฒนาแอปฯ อีกต่อไป
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นปี 2021 ที่ผ่านมาApple ได้ถูกเหล่านักพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่อยู่ใน App Store ยื่นฟ้องร้องว่า บริษัทดำเนินธุรกิจแบบผูกขาดด้วยการกำหนดให้ผู้ใช้ต้องชำระค่าบริการต่าง ๆ ผ่าน App Store ของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถชำระผ่านผู้พัฒนาแอปฯ ได้โดยตรง ซึ่งผู้พัฒนาแอปฯ จะถูกบริษัทหักส่วนแบ่งหรือที่เรียกว่า “ค่าคอมมิชชั่น” ถึง 30% โดยล่าสุดApple ได้ประกาศผ่าน Press Release ว่า บริษัทตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนโยบายหลายข้อบน App Store โดยอนุญาตให้ผู้พัฒนาแอปฯ ส่งอีเมลไปหาผู้ใช้งานเพื่อบอกวิธีการชำระเงินผ่านช่องทางอื่น โดยไม่จำเป็นต้องผ่าน App Store ได้แล้ว ซึ่งหมายความว่า ผู้พัฒนาจะไม่ถูก App Store หักส่วนแบ่ง 30% อีกต่อไปในกรณีที่ผู้ใช้สะดวกชำระเงินผ่านช่องทางอื่น
นอกจากนี้Apple ยังต้องควักเงินอีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3,200 ล้านบาท เป็นค่าชดเชยให้ด้านของผู้พัฒนาที่ได้มีทุกรายของบัญชีในช่วงเดือนมิถุนายน 2015 – เมษายน 2021 (เฉพาะในสหรัฐฯ) กว่า 67,000 ราย โดยเงินที่เหลือจะถูกนำไปตั้งเป็นกองทุนสนับสนุนผู้พัฒนาแอปฯ ที่มีรายได้น้อยกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการยุติคดีฟ้องร้องจากกลุ่มนักพัฒนาแอปฯ
ทั้งนี้Apple ยังเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผู้พัฒนาสามารถใช้บริการจาก App Store ได้ง่ายขึ้น เช่น ลดค่าค่าคอมมิชชั่นกับนักพัฒนารายเล็กเหลือ 15% เป็นเวลา 3 ปี และปรับรูปแบบการค้นหาบน Play Store ให้แสดงตามลักษณะของยอดดาวน์โหลด, จำนวนดาว ฯลฯ ขยายช่วงระยะการตั้งราคาแอปได้ 100 – 500 ระดับ และหากนักพัฒนาคนไหนได้รับในส่วนของการปฏิบัติที่มันนั้นไม่เป็นธรรม ก็สามารถยื่นร้องเรียนได้ที่เว็บ App Review ของบริษัทฯ
ข่าวไอทีออนไลน์ อัพเดทข่าวเทคโนโลยีใหม่ๆ ข่าวสารวงการไอทีต่างๆที่นำมาให้คุณได้ติดตามสาระดีๆที่ทันสมัย
